
การตกแต่งภายใน ก่อนที่เราจะตกแต่งได้ เราต้องมีขั้นตอนการเตรียมตัวก่อนเสมอ ซึ่งการตกแต่งมีหลากหลายรูปแบบหลากหลายสไตล์ แล้วแต่ความต้องการของผู้ใช้งานว่าพึ่งพอใจกับมันไหม วันนี้เราจะมาแนะนำขั้นตอนเตรียมการตกแต่งภายใน
1. ก่อนจะเริ่มทำเราต้องปรึกษาสถาปนิกและมัณฑนากรเพื่อออกแบบตามความต้องการแล้ว จ้างผู้รับเหมาก่อสร้างมาสร้างและตกแต่ง
2. เลือกซื้อบ้านจัดสรรโครงการใดโครงการหนึ่งที่สร้างแล้วเสร็จ
3. สร้างบ้านบนที่ดินด้วยบริษัทรับสร้างบ้านที่มีชื่อเสียง
หลักการตกแต่งมีหลากหลายแบบหลากหลายสไตล์ แล้วแต่ความชอบของแต่ละคน ซึ่งวันนี้เราจะมาแนะนำสไตล์การตกแต่งหลักหลายแบบไม่ว่าจะเป็น หลักการตกแต่งบ้านสไตล์ไทย , หลักการตกแต่งบ้านสไตล์ตะวันออก ,หลักการตกแต่งบ้านสไตล์บาหลี , หลักการตกแต่งบ้านสไตล์ยุโรป และหลักการตกแต่งบ้านสไตล์โมเดิร์น โดยมีดังนี้
1. หลักการตกแต่งบ้านสไตล์ไทย ซึ่งแบบนี้มีรูปแบบของการจัดตกแต่งในแบบไทยๆ มักใช้พวกวัสดุที่เป็นไม้มากกว่า หรืออาจมีการผสมผสาน ไม่ว่าจะเป็นมีทั้งปูน และไม้ผสมกัน เฟอร์นิเจอร์ ก็จะเน้นจากวัสดุที่ทำจากไม้ทั้งสิ้น ตั้งแต่เตียง ตู้ และโต๊ะ เป็นส่วนใหญ่แต่ก็ใช่ว่า จะต้องใช้พวกเฟอร์นิเจอร์ที่ทำจากไม้ทั้งสิ้น ตกแต่งบ้านด้วยวัสดุอื่นที่เป็นแบบไทยๆ ได้ตามรสนิยมของเจ้าของบ้าน อาจจะตกแต่งจากภาพอัด แกะสลักไม้ ภาพเขียนจิตรกรรมไทย ทั้งขนาดเล็ก หรือใหญ่ ก็ได้ ตามความชอบของเจ้าของบ้าน สามารถนำมาติดไว้บนหัวเตียง หรือ ตั้งวางตรงจุดอื่นๆ ตาม ความเหมาะสมของพื้นที่ใช้สอย
วัสดุที่ใช้ตกแต่ง วัสดุที่ใช้ประดับตกแต่งนอกจากเฟอร์นิเจอร์ที่ทำจากไม้แล้วนั้น เราอาจจะใช้ของประดับอย่างอื่นที่สื่อความเป็นสไตล์ไทยได้ ซึ่งจะทำให้เราดูแล้วให้ความรู้สึกเข้าถึงบรรยากาศแบบไทยๆ เช่น เครื่องจักรสาน ธูปหอม เทียนหอม หรืออาจเป็นของประดับที่ประดิษฐ์ขึ้นจาก วัสดุธรรมชาติ ที่สามารถบ่งบอกถึงความเป็นไทย แล้วรู้สึกได้ถึง ความผ่อนคลาย เงียบสงบ
สีที่ใช้ในการตกแต่งเป็นสีทั่วไป และเรามักจะใช้เฟอร์นิเจอร์ไม้โทนสีน้ำตาล อาจมีการตัดสีขาวเพื่อให้ห้องดูสว่างขึ้นจนดูไม่ทึบจนเกินไป แล้วแต่ความชอบเพราะสีของไม้ และความพึงพอใจของทุกคนค่ะ ถ้าอยากให้บ้านดูมีรสนิยมมากขึ้นก็เซ็ตสีน้ำตาลให้หมดเลยค่ะ ช่วยสร้างบรรยากาศโดยอาศัยหลอดไฟสีส้ม จะช่วยสร้างบรรยากาศให้คนไทยด้วย
2. หลักการตกแต่งบ้านสไตล์ตะวันออก จุดเด่นของสไตล์การตกแต่งนี้คือความสามารถในการถ่ายภาพ เปลี่ยนสถาปัตยกรรมคลาสสิกให้เป็นบรรยากาศที่ทันสมัย และนำบรรยากาศแบบตะวันออกมาผสมผสานกับสไตล์เอเชียที่ลงตัวด้วยเสน่ห์อันสวยงาม จุดเน้นภายในของบ้านคือการออกแบบประตู หน้าต่างมีขนาดใหญ่โดยเน้นที่เพดานสูงและหน้าต่างที่กว้างขวางช่วยให้ระบายอากาศและลมธรรมชาติพัดผ่านทุกทิศทาง รวมถึงหลังคาชายคายาวที่มีต้นไม้เรียงรายและระเบียงกว้างในสวนสวยที่เกี่ยวข้องกับบ้าน วัสดุตกแต่ง การตกแต่งภายในใช้วัสดุธรรมชาติ เช่น ไม้ หินอ่อน และเฟอร์นิเจอร์ที่ทันสมัย นอกจากจะบ่งบอกถึงระดับและสไตล์แล้ว มีเอกลักษณ์และเน้นการออกแบบให้ทุกพื้นที่ในบ้านดูอบอุ่น สบาย และใกล้ชิดธรรมชาติมากขึ้น
กระแสของความเรียบง่ายนี้จะยังคงอยู่ และเป็นสไตล์หนึ่งที่ยังคงอยู่คู่การออกแบบตกแต่งภายในแม้กระแสของแฟชั่นความนิยม นี้จะจางลง หากสไตล์นี้ จะยังคงอยู่ผู้ที่เลือกใช้จึงเป็นผู้ที่ต้องการสไตล์ตะวันออกอย่างแท้จริงหาตามแฟชั่นของการตกแต่งภายในไม่ และก็เป็นผู้ที่เลือก จะมีวิถีชีวิตเรียบง่าย ต้องการละทิ้งอุปกรณ์ฟุ่มเฟือยหรูหราออกไป
3. หลักการตกแต่งบ้านสไตล์บาหลี
หลักในการตกแต่งบ้านสไตล์บาหลี ในระยะสั้นดูเหมือนไม่ยาก เพราะถ้าดูจากบรรยากาศบ้านเราคงเป็นเขตร้อนชื้น เช่นเดียวกับในประเทศอินโดนีเซีย การตกแต่งบ้านสไตล์นี้มีความเหมาะสมมากกว่า และเป็นการดีที่จะได้ใกล้ชิดกับผู้ที่อาศัยอยู่ในประเทศไทย นอกจากนี้ วัสดุที่คัดสรรแล้วยังหาง่ายอีกด้วย ล้วนเป็นวัตถุดิบที่แทบจะหาได้ในบ้านเรา ทั้งเฟอร์นิเจอร์ เครื่องใช้ไฟฟ้า และของประดับตกแต่ง หาซื้อได้ทั่วไปตามตลาดนัดจตุจักร ไม่ว่าจะเป็น ห้างสรรพสินค้า ร้านต่อเติมบ้าน หรือแม้แต่ตลาดนัดจตุจักร สิ่งที่สำคัญที่สุดคือราคา ไม่แพง
วัสดุตกแต่งยังเป็นองค์ประกอบสำคัญที่สะท้อนบรรยากาศของบ้านอีกด้วย บ้านในบาหลีต้องเลือกใช้วัสดุธรรมชาติไม่ว่าจะพื้นผิวแบบไหน แสดงสีสดและอบอุ่น
4. หลักการตกแต่งบ้านสไตล์ยุโรป หลักในการตกแต่งบ้านสไตล์บาหลี ในระยะสั้นดูเหมือนไม่ยาก เพราะถ้าดูจากบรรยากาศบ้านเราคงเป็นเขตร้อนชื้น เช่นเดียวกับในประเทศอินโดนีเซีย การตกแต่งบ้านสไตล์นี้มีความเหมาะสมมากกว่า ด้วยสถาปัตยกรรมยุโรปในปัจจุบัน เราได้ปรับให้เข้ากับที่อยู่อาศัยของคนไทยโดยจะได้แรงบันดาลใจจากประเทศในยุโรปใต้และตะวันออก ได้แก่ อิตาลีและฝรั่งเศส รูปแบบสถาปัตยกรรมที่เป็นเอกลักษณ์และการตกแต่งของทั้งสองประเทศมีความคล้ายคลึงกันโดยเน้นความหรูหรา ประกอบด้วยรายละเอียดที่ละเอียดอ่อนที่สวยงามมากมาย ปรับปรุงใหม่ทุกสัดส่วนไม่ว่าจะเป็นเสาหลักและเส้นบัวรวมถึงปูนปั้น ตัวอาคารที่ประดับประดาดูวิจิตรงดงาม อย่างไรก็ตาม นี่เป็นผลมาจากความเจริญ ความสดใสของเวลาเป็นที่นิยมในความหรูหรา ความฟุ่มเฟือย และความพิถีพิถันของไลฟ์สไตล์แบบยุโรป นี่คือยุคเฟื่องฟู เครื่องมือ เครื่องใช้ไฟฟ้า เฟอร์นิเจอร์ และของตกแต่งบ้านล้วนพิถีพิถันและสวยงาม ข้อดีของกิจกรรม ประติมากรรม และสถาปัตยกรรม ทำให้ชื่อเสียงของศิลปินหลายคนเป็นที่รู้จักกันทั่วโลกตลอดกาล เช่น ลีโอนาร์โด ดาวินชี , มิเกลันเจโล ราฟาเอล เป็นต้น เมื่อนำมาใช้กับบ้านเรือนของคนไทยในปัจจุบัน คงไม่ใช่ เรื่องง่ายๆ เลยที่จะนำเนื้อหาทั้งหมดของการตกแต่งในสไตล์ ยุโรปทั้งอิตาลี และฝรั่งเศส มาสร้างเป็นบ้านทั้งหลังให้เหมือนกับยกมาจาก ประเทศอันไกลโพนได้ เพราะองคประกอบ และปัจจัยหลายๆ อย่างทั้งสภาพภูมิอากาศ และสภาพแวดล้อมที่มีความแตก ต่างกันค่อนข้างมาก
วิธีการที่เหมาะสมเพื่อให้ได้บ้านที่มีอารมณ์ตะวันตกอย่างที่ใจต้องการ คือ การนำรายละเอียดของการตกแต่ง และรูปแบบ การใช้งานต่างๆ ที่เหมาะสมกับวิถีการดำเนินชีวิตของคนไทยเข้ามาดัดแปลงเพื่อให้คงตามวัตถุประสงค์ และสามารถใช้งานจริงได้ มากกว่า
การเลือกใช้วัสดุ
เอกลักษณ์ของของแต่งบ้านสไตล์ตะวันตกอยู่ที่การเลือกเฟอร์นิเจอร์ที่ไม่ต้องการ เช่น ชุดโซฟา โต๊ะกลาง หรือโต๊ะ ใช้โทนสีของเฟอร์นิเจอร์ให้เข้าชุดกัน เป็นชุดเดียวกัน เพื่อไม่ให้เกิดความแปลกแยก
5. หลักการตกแต่งบ้านสไตล์โมเดิร์น การตกแต่งบ้านสไตล์ Modern ขึ้นอยู่กับแนวคิด ความเรียบง่าย การออกแบบเฟอร์นิเจอร์ทำให้เราโดดเด่นและอยู่ได้นานโดยไม่ตกเทรนด์ ไม่ว่าจะเป็นไม้ หนัง หรือวัสดุโลหะ ก็สร้างสไตล์ทันสมัยเก๋ไก๋ได้ คอมพิวเตอร์จะสมบูรณ์แบบหรือจะเลือกใช้ภาพที่มีสีสันแขวนบนผนังและเครื่องใช้ต่างๆ เพื่อช่วยสร้างบรรยากาศที่น่าสนใจให้กับบ้านก็ได้ และช่วยผ่อนคลายสีเข้มของเฟอร์นิเจอร์
เลือกไอเทมตามสไตล์ที่คุณชอบ และควรจัดวางตกแต่งไว้หลายแบบ มองหาของตกแต่งบ้านที่ออกแบบมาอย่างสวยงาม วางไว้ที่มุมใดมุมหนึ่ง ไม่ว่าจะเป็นแจกันหรือโคมไฟ คุณสามารถเลือกโต๊ะเอนกประสงค์ได้ เรียบง่าย เช่น วัสดุที่เป็นโลหะหรือขนาดที่ไม่ใหญ่หรือเล็กเกินกว่าจะเคลื่อนย้ายได้ และสามารถจัดวางตามพื้นที่ต่างๆ ได้ เฟอร์นิเจอร์ประเภทนี้จะเรียบง่ายแต่ดีไซน์ช่วยตอบได้ว่าเข้ากับสไตล์โมเดิร์นได้อย่างชัดเจน
การเลือกโทนสีให้เข้ากับห้อง
โดยถ้าห้องของเราเป็นห้องขนาดเล็ก ควรใช้ผนังสีขาวหรือสีอ่อนที่มีความเข้มน้อย เพื่อที่จะทำให้เรามีความรู้สึกว่าห้องมีขนาดกว้างขึ้นกว่าที่เป็นจริง ถ้าห้องเพดานสูง ควรใช้ผนังและพื้นสีอ่อน ส่วนเพดานสีเข้มจะให้ความรู้สึกว่าเพดานต่ำกว่าสภาพของจริง ทำให้ห้องไม่สูงมากนักห้องที่มีเพดานต่ำ แต่ถ้าผนังใช้สีเข้ม หรือสีสดที่มีความเข้มมาก จะทำให้มีความรู้สึกว่า เพดานเตี้ยลงมาส่วนพื้นกับเพดานสีอ่อน จะรู้สึกว่าห้องสูงขึ้น เพดานไม่ต่ำมากนักห้องที่รูปร่างแคบและยาว หรือเนื้อที่ทางเดินที่ยาวมาก ๆ ถ้าใช้สีประเภทสีร้อน หรือสดใสที่เห็นได้ชัดเจนกับผนัง ด้านสุดปลายด้านยาว จะช่วยเน้นให้เกิดความรู้สึกว่ามีการสิ้นสุดและช่วยขจัดความรู้สึกว่า ห้องหรือทางเดินนั้น ยาวเกินไปได้ดีขึ้น ส่วนของโครงสร้างที่เกี่ยวข้องกับ การรับน้ำหนัก ถ้าใช้สีเข้มที่ขรึมจะให้ความรู้สึกมั่นคง ถ้าใช้ร่วมกับผนังสีอ่อน จะเห็นส่วนที่เป็นโครงสร้างเด่นชัดขึ้น และในทางกลับกัน ถ้าใช้ผนังสีเข้ม ส่วนโครงสร้างสีอ่อน จะดูส่วนโครงสร้างเด่นชัดน้อยลง และลวงตาให้ดูมีขนาดใหญ่ขึ้น
การเลือกใช้คู่สีการตกแต่งห้อง โดยเราจะเลือกตามความนิยมการใช้สีโดยเลือกกลุ่มของโครงสีที่ใกล้เคียง มีความกลมกลืนกัน ในกรณีที่เราเลือกสีโทนร้อน โดยใช้สีพื้นเป็นสีอ่อนได้แก่ สีเปลือกไข่ไก่ โดยมี สีส้ม สีแดง หรือสีน้ำตาล เป็นส่วนตกแต่งอื่นๆ เช่นเป็นคิ้วบัว กรอบประตูหน้าต่าง เป็นต้นบางครั้ง ก็สามารถใช้สีที่ตรงกันข้ามกันหรือสีที่ตัดกันไปเลยเพื่อสร้างจุดเด่น เช่น การใช้สีเขียวเป็นสีพื้นตัดกับจุดเด่นที่มีสีแดง หรือใช้สีเหลืองเป็นพื้นตัดกับจุดเด่นสีม่วง เป็นต้น ในการใช้สีต่างๆ ในห้องต้องคำนึงถึงด้วยว่า ถ้าใช้หลายสีในห้องเดียวกัน ควรพิจารณาถึง เอกภาพของโครงสีทั้งหมด ที่จะไม่ให้ขัดกันหรือแตกแยกแนวทางกัน จนไม่เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน ตัวอย่างได้แก่ ถ้าเรากำหนดโครงสีโดยรวม ในห้องเป็นสีโทนร้อน ก็ควรกำหนดสีของวัสดุประกอบอื่นๆ ที่จะนำมาใช้เป็นโทนร้อนด้วยเพื่อมิให้ เกิดความแตกแยกของกลุ่มโทนสี หรืออาจใช้วัสดุโทนเย็นได้ในบางจุดเพื่อสร้างจุดเด่น แต่ต้องใช้ปริมาณหรือพื้นที่เพียงเล็กน้อยเท่านั้น เพื่อมิให้เกิดการแตกแยกกันของกลุ่มโครงสี ออกแบบบริเวณบ้าน
สีกับการดูดซับแสง สีเข้มจะดูดซับแสงได้มากกว่าสีอ่อน เป็นสีวัสดุที่อยู่ในเวลากลางวันที่มีแสงอาทิตย์เจิดจ้า หรืออยู่ในที่ที่ใช้ไฟจาก หลอดฟลูออเรสเซนส์ จะแตกต่างกันดังนั้น ในห้องที่มีความสว่างตามธรรมชาติ ยกตัวอย่าง มีประตูหน้าต่างให้แสงเข้าได้มากอยู่แล้ว ควรหลีกเลี่ยงการใช้สีขาวในเนื้อที่มาก ๆ เพราะจะทำให้เกิดการสะท้อนแสงมากเกินไป ซึ่งทำให้รบกวนสายตาของผู้ที่อยู่ในห้องนั้นนาน ๆ ได้ และการเลือกใช้โครงสีภายในเนื้อที่ใด ควรปรับให้พอดีกับความมืดหรือความสว่างของเนื้อที่นั้นด้วย เช่น ห้องที่ค่อนข้างมืด มีด้านที่เปิดรับแสงได้น้อยถ้าใช้กลุ่มสีที่ทึบเข้มจะยิ่งทำให้ห้องมืดลงไปอีก เป็นต้น