มาทำความรู้จักความหมายของฮวงจุ้ย หลักความเชื่อเกี่ยวกับฮวงจุ้ยและดวงชะตา ศาสตร์ต่างๆในวิชาฮวงจุ้ย ศาสตร์ต่างๆในวิชาฮวงจุ้ย
ดังที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่า “ฮวงจุ้ย” เป็นคำที่มีรากศัพท์มาจากภาษาจีน ไม่ใช่คำไทยแท้ๆ แต่คนไทยเราเองก็เรียกคำว่า ฮวงจุ้ยโดยมีความหมายใกล้เคียง กับเจ้าของภาษา ซึ่งจะเป็นความหมายในเชิงความเชื่อเรื่อง การจัดและแก้ไขที่อยู่อาศัยให้ถูกโฉลกกับเจ้าของ ให้มีความร่ำรวย เจริญรุ่งเรือง หรือแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นให้หมดไป และส่วนมากแล้วผู้รู้เรื่องฮวงจุ้ยจะถูกเรียกว่าเป็น “ซินแส” ซึ่งหลายคนอาจ จะนึกถึงว่า เป็นพวกหมอดู หรือหมอผี ไม่ใช่คนปกติธรรมดา หรืออาจจะถูกมองไปถึงขั้นผู้วิเศษเรียกลมเรียกฝนได้เลยทีเดียว ความจริงแล้วตามรากศัพท์ของคำว่าฮวงจุ้ยนี้ก็น่าจะทำให้เราคิดไปได้เช่นนั้น เนื่องจากคำว่า “ฮวง” (Feng) ในภาษาจีนนั้น หมายถึง ลม และคำว่า “จุ้ย” (Shui) นั้นก็หมายถึง น้ำ รวมๆความแล้วฮวงจุ้ยแปลตรงตัวก็จะแปลได้ว่า ลมและน้ำ อันหมายถึงสิ่งที่มีความเคลื่อนไหว เปลี่ยนแปรไปได้ มีพลังงานที่จะก่อให้เกิดอิทธิพลต่อสิ่งต่างๆในโลกนี้ ลมและน้ำ มีสภาพที่เหมือนและแตกต่างกัน คือ ลมมีสภาพที่จับต้องไม่ได้ แต่เคลื่อนไหวได้ ในขณะที่น้ำก็เป็นสิ่งที่เคลื่อนไหวได้เช่นกัน แต่สามารถจับต้องได้ด้วย ด้วยเหตุนี้เองคำว่าฮวงจุ้ยจึงมีความหมายไปถึงสิ่งที่เคลื่อนไหวหรือสงบนิ่งที่ทำให้เกิดพลังงานที่มีผล มีอิทธิพลต่อมนุษย์ สิ่งแวดล้อม และธรรมชาติ ซึ่งอาจจะแปลให้เข้าใจง่ายขึ้นอีกนิดว่าลมและน้ำนั้นหมายความถึง “พลังงานของธรรมชาติและสภาพแวดล้อม” นั่นเอง และในความหมายจริงๆของวิชาฮวงจุ้ย 风水นั้นก็จะหมายถึง ศาสตร์แห่งการใช้ชีวิตให้มีความสมดุลกับธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ซึ่งน่าจะเป็นคำแปลที่ใกล้เคียงที่สุดของการศึกษาเรื่องฮวงจุ้ย Feng-shui \F[^e]ng”-shu`i\, n. [Chin. feng wind + shui water.] A system of spirit influences for good and evil believed by the Chinese to attend the natural features of landscape; also, a kind of geomancy dealing with these influences, used in determining sites for graves, houses, etc. ที่มา: Webster’s Revised Unabridged Dictionary, © 1996, 1998 MICRA, Inc. จากความหมายของ Webster dictionary ที่แปลได้ความว่าฮวงจุ้ยคือ ระบบความเชื่อของจีนเกี่ยวกับจิตวิญญาณของสิ่งแวดล้อม ซึ่งมีทั้งด้านดีและร้ายที่มีอิทธิพลต่อบ้าน ได้แสดงให้เห็นถึงพลังของสิ่งแวดล้อมที่มีอิทธิพลต่อผู้อยู่อาศัย อันหมายถึงอิทธิพลทั้งในด้านที่จะส่งเสริมให้ดีขึ้น คือมีโชคลาภ บารมี ความเจริญก้าวหน้า ความสุขสงบในชีวิต และในทางกลับกันฮวงจุ้ยที่ไม่ดีก็สามารถก่อให้เกิดปัญหาแก่ผู้อยู่อาศัยได้เช่นกัน เช่น อาจจะทำให้เกิดโชคร้าย อุบัติหตุ โรคภัย และความสูญเสียในรูปแบบต่างๆ โดยความหมายของสิ่งแวดล้อมจะหมายความรวมทั้งสิ่งที่มนุษย์สร้างขึ้น และสภาพแวดล้อมตามธรรมชาติ ในประเทศจีนสมัยโบราณ ศาสตร์ฮวงจุ้ยนี้เป็นสิ่งสำคัญอย่างมาก เนื่องจากเป็นศาสตร์ที่ใช้สำหรับกษัตริย์ ราชวงศ์ หรือชนชั้นสูงเท่านั้น พระราชวังของกษัตริย์จะเลือกพื้นที่ตั้ง และออกแบบก่อสร้างตามหลักของศาสตร์นี้ นอกจากนี้ยังใช้ในการเลือกชัยภูมิที่ตั้งของเมือง การวางผังเมือง หรือแม้กระทั่งในการรบก็จะต้องวางพื้นที่ให้ถูกต้องตามหลักพิชัยสงครามสำหรับการสงคราม ทั้งเพื่อให้เกิดความปลอดภัย และสามารถเอาชนะข้าศึกในการรบได้
หลักความเชื่อเกี่ยวกับฮวงจุ้ยและดวงชะตา
ชาวจีนมีความเชื่อเรื่องดวงชะตาว่าชีวิตของมนุษย์นั้นจะดีหรือร้ายเพียงใดขึ้นกับดวงชะตา ซึ่งสามารถแบ่งดวงชะตาออกได้เป็น 3 ส่วน คือชะตาแห่งฟ้าลิขิต ชะตาแห่งคนลิขิต และชะตาแห่งฮวงจุ้ย
1. ชะตาฟ้า (เทียน) หมายถึงบุญวาสนาที่ติดตัวมาตั้งแต่เกิด ทรัพย์สมบัติ ฐานะของพ่อแม่ การได้รับการเลี้ยงดูสั่งสอน รวมไปถึงโชคหรือเคราะห์ต่างๆที่แต่ละคนจะมีไม่เท่ากัน ไม่สามารถแก้ไขอะไรได้ เป็นกรรมที่ได้รับผลมาจากชาติปางก่อน
2. ชะตาคน (นั้ง) หรือชะตากรรม หมายถึงการกระทำ กรรมที่เราสร้างขึ้นในชาตินี้ ทำกรรมดี ขยันทำงาน อดทนตั้งใจศึกษาเล่าเรียนย่อมได้รับผลกรรมที่ดี หากทำชั่ว ลักขโมย ขายยาเสพติด ฉ้อโกงทรัพย์ก็อาจจะได้รับผลดีในระยะสั้น คือมีเงินทองจากการทำชั่วฉกชิงเขา แต่ในระยะยาวก็ย่อมจะต้องได้รับผลกรรมจากความชั่วที่ได้ทำเอาไว้ ชะตาในประเภทนี้จึงเป็นชะตาที่กำหนดได้โดยตัวคนนั้นๆเอง เลือกได้ว่าจะทำสิ่งใด หรือจะไม่ทำสิ่งใด
3. ชะตาดิน (ตี่) หมายถึงสภาพแวดล้อมรอบๆตัวเรา หรือฮวงจุ้ยนั่นเอง เป็นสิ่งที่จะสามารถส่งเสริมให้ชีวิตเราดีขึ้น ทำให้ความขยันทำมาหากินได้รับผลเร็วมากขึ้น หรือสภาพแวดล้อมที่ไม่ส่งเสริมก็อาจจะเป็นตัวถ่วงหรือทำลาย ทำให้ความเพียรพยายามทำกรรมดีไม่เกิดผลอย่างที่ควรจะเป็น ยกตัวอย่าง เช่น เปิดร้านขายข้าวราดแกง แต่ทำเลที่ตั้งไม่ดี ลูกค้าจอดรถลำบาก หรืออยู่ในที่ๆคนไม่ค่อยมาก ถึงเราขยันแค่ไหนก็สู้ร้านอื่นๆที่เขามีทำเลดีกว่าไม่ได้ ยิ่งขยันทำของขายจำนวนมากก็อาจจะยิ่งขาดทุนมากขึ้นเพราะไม่มีคนซื้อ เป็นต้น
ชะตาทั้งสามนี้คนจีนเชื่อว่ามีอิทธิพลต่อชีวิตมนุษย์ในสัดส่วนเท่าๆกันคืออย่างละ 1 ใน 3 ส่วน นั่นหมายความว่า โชคชะตาที่เราไม่สามารถกำหนดเองได้นั้นมีเพียงฟ้าลิขิตเท่านั้นเอง กล่าวคือ เกิดมาจน รวย มีฐานะชาติตระกูลที่แตกต่างกัน ไม่สามารถเลือกที่เกิดได้ แต่สามารถเลือกที่จะเลือกกำหนดการกระทำของตนเองได้ อันนี้คือชะตาแห่งคนลิขิต คนที่มีความขยันหมั่นเพียร แม้จะเกิดมาฐานะไม่ดีแต่สู้อดออมก็สามารถประสบความสำเร็จ เจริญรุ่งเรืองได้ ในทางกลับกัน คนที่เกิดมาบนกองเงินกองทอง แต่มีนิสัยเกียจคร้าน ไม่มีคุณธรรม ก็เป็นที่ครหานินทา และชีวิตก็ตกต่ำลงได้เช่นเดียวกัน
ส่วนชะตาแห่งดิน หรือฮวงจุ้ยนั้น หมายถึงหากเรามีฮวงจุ้ยที่ดี คือจัดสภาพที่อยู่อาศัย ที่ทำงานไว้อย่างดีและเหมาะสม ก็จะช่วยให้ชีวิตมีพลังขับดันไปในทางที่ดี แม้จะเป็นช่วงที่ตกอับ ดวงตก ก็ยังไม่เลวร้ายเกินไปนัก ซึ่งในทางตรงข้ามหากฮวงจุ้ยของบ้าน ที่ทำงานเราไม่ดี ก็จะส่งผลให้เกิดปัญหาอุปสรรค ความเจ็บไข้ หรือเคราะห์ร้าย ขยันทำกิจการก็ยังขาดทุน ซึ่งก็อาจจะเป็นเพราะที่ตั้งร้านค้าเราไม่เหมาะสม ไม่ส่งเสริมให้คนเข้าร้าน ยิ่งถ้าช่วงไหนดวงตกเข้าไปอีกแทบจะได้ขายร้านทิ้งกันเลยทีเดียว
ฮวงจุ้ยที่ดีนั้นจะสามารถส่งเสริมให้ชีวิตเป็นไปในทางที่ดี เนื่องจากเป็นสภาพแวดล้อมของสถานที่ที่เราอยู่ หรือที่ทำงาน ตามหลักจิตวิทยาหากสภาพแวดล้อมดีก็ทำให้ทำงานได้สะดวกสบาย จิตใจสดชื่นมีกำลังใจสามารถที่จะต่อสู้ฝ่าฟันอุปสรรคได้ง่ายกว่าคนที่จิตใจฝ่อเหี่ยว ไม่มีกำลังใจนั่นเอง
ศาสตร์ต่างๆในวิชาฮวงจุ้ย
โดยหลักใหญ่ๆแล้ว วิชาฮวงจุ้ยสามารถที่จะแบ่งออกได้เป็น 2 ส่วน คือ ฮวงจุ้ยบนดิน (หยาง) คือฮวงจุ้ยที่อยู่อาศัยของคนที่ยังมีชีวิต และฮวงจุ้ยใต้ดิน (หยิน) คือสุสาน ผู้เรียนรู้ฮวงจุ้ยของจีนจะต้องเรียนทั้งสองส่วน เนื่องจากความเชื่อของคนจีนที่เชื่อว่า สุสานของบรรพบุรุษจะเป็นตัวกำหนดแนวทางในการดำเนินชีวิตให้แก่ลูกหลาน หากทำฮวงจุ้ยบรรพบุรุษไว้ดี อยู่ในชัยภูมิที่ดี และจัดวางได้อย่างถูกต้อง ก็จะส่งผลโชคลาภและความเจริญให้แก่ลูกหลานด้วย ในปัจจุบันหากเรานั่งรถผ่านบริเวณภูเขาที่มีชัยภูมิดีถูกต้องตามหลักฮวงจุ้ย ก็จะมองเห็นสุสานบรรพบุรุษของชาวไทยเชื้อสายจีนตั้งอยู่ติดกันเป็นกลุ่ม และลูกหลานก็จะมาแสดงความเคารพ โดยการตั้งของไหว้เมื่อถึงวันเช็งเม้ง (ประมาณต้นเดือนเมษายน-เดือนสามของจีน) เพื่อความเป็นสิริมงคล และแสดงความกตัญญู
เนื่องจากเป็นวิชาเก่าแก่ที่มีอายุมากกว่า 3,000 ปี และได้รับการพัฒนาเพื่อใช้งานในประมาณ 1 พันปีที่ผ่านมา (อำนวยชัย ปฏิพัทธ์เผ่าพงศ์, 2544: 27) วิชาฮวงจุ้ยจึงได้แตกแขนงออกเป็นสำนักต่างๆมากมาย โดยแต่ละสำนักก็ได้มีการสอนที่เน้นเฉพาะเรื่องแตกต่างกันไป บางครั้งก็มีความเชื่อที่ต่างกัน มีรูปแบบของวิชาการที่แตกต่างกัน บางสำนักจะเน้นในเรื่องชัยภูมิและรูปลักษณ์เป็นสำคัญ บางสำนักจะเน้นในเรื่องทิศทาง ในขณะที่บางสำนักก็จะเป็นเรื่องดวงชะตาเป็นหลัก โดยสรุปแล้วจะสามารถแบ่งออกเป็นวิชาต่างๆได้ดังนี้
1. วิชาชัยภูมิ รูปร่าง รูปทรงอาคาร การเลือกทำเลที่ตั้ง การออกแบบรูปร่าง รูปทรงต่างๆ
2. วิชาดวงจีนและธาตุ ผูกดวงจีนเพื่อหาธาตุสำคัญ และแก้ไขฮวงจุ้ยตามธาตุสำคัญ
3. วิชา 8 ทิศ 8 ปฏิกิริยา จัดห้องหรือบ้านพักอาศัยให้เหมาะสมตามรหัสบุคคล
4. วิชาดาว 9 ยุค การหาทิศทางของโชคลาภ บารมีตามองศาบ้านในแต่ละยุคของจีน
5. วิชาฤกษ์ยามและพิธีกรรม ใช้หาวันเวลาทำพิธีการให้เกิดผลที่ดีต่อเจ้าของงาน
ฮวงจุ้ยทำงานอย่างไร?
ความสับสนในเรื่องพลังธรรมชาติหรือพลังขี่ อยู่ที่พลังนี้จับต้องไม่ได้(โดยทั่วไป) ไม่มีที่มาที่ไป ไปสิ้นสุดตรงไหน ยังต้องเกี่ยวกับความลึกลับ ความมหัศจรรย์ เป็นคำถามที่ไม่มีที่สิ้นสุด แต่คนที่สนใจจริงมีมากและเขาเหล่านั้นก็รู้สึกได้ถึงพลังของธรรมชาติเหล่านี้ ถ้าต้องการรู้ ศึกษาได้ เหมือนกับว่าชีวิตคืออะไร? พลังธรรมชาตินี้มนุษย์สังเกตมานานนมแล้วตั้งแต่โบราณ รู้อยู่แล้วว่าจับต้องไม่ได้ ไม่มีรูปแบบ แต่เรารู้ว่ามี รู้สึกได้ แต่คนจำนวนมากรับไม่ได้เพราะ จับต้องไม่ได้ แต่พลังเหล่านี้ถ้าจัดอย่างถูกต้อง ให้ผลแน่นอน ทางวิทยาศาสตร์ก็พยายามพิสูตรว่าพลังเหล่านี้ทำงานอย่างไร ใช้เทคนิคชั้นสูง ถึงแยกอะตอม หา DNA แต่ก็ยังสรุปผลไม่ได้ แต่พลังมีแน่แต่ยังสรุปไม่ได้ ศาสนาหลายศาสนาและปรัชญาต่างๆต่างก็กล่าวถึงพลังธรรมชาติเหล่านี้ ว่ามีอำนาจอาจจะมา จากสวรรค์และโลก(จักรวาล) ฮวงจุ้ย คือการเอาพลังธรรมชาติมาจัดการจัดสรรค์ให้มีผลต่อคนเรา ตามภูมิปัญญาของชนชาติจีนโบราณ และพัฒนามาจนถึงปัจจุบันนี้
หลายพันปีมาแล้ว ชนชาติจีนโบราณได้สังเกต บันทึก เกี่ยวกับดาวต่างๆ(โดยเฉพาะกลุ่มของดาวเหนือ)ว่ามีความสัมพันธ์กับโลกและฤดูกาลของโลกอย่างไร ประมาณ 5000 ปีมาแล้วที่มีบันทึกในเรื่องนี้และเป็นรากฐานของศาสตร์ ฮวงจุ้ย บันทึกเหล่าเอามาใช้กับคนเราให้ดำเนินชีวิตไปได้ด้วยดี(ในสมัยโบราณ เอาใช้ในเรื่องการเกษตรเป็นส่วนใหญ่) เมื่อเราจัดพลังขี่ให้กับคนหนึ่งทำให้บ้านที่อยู่อาศัย หรือที่ทำงานอยู่กระแสคลื่นที่ดี ทำให้มีความสมดุลกับ สิ่งแวดล้อมแล้ว เหตุการณ์ในชีวิตก็ควรจะดีขึ้น(ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย) ทั้งสุขภาพ การเงิน ความสัมพันธ์กับคนรอบข้าง โอกาส ความรุ่งเรือง ฯลฯ ถ้าเราไม่จัดพลังขี่ที่ดีให้เข้าที่เข้าทาง อาจจะมีความร้ายๆต่างๆมาก็ได้ โดยเฉพาะสุขภาพ ซึ่งเป็นเหตุอันแรกแล้วเหตุอื่นๆก็จะตามมา ออกแบบภายใน
หลักการของฮวงจุ้ยก็คือความสมดุล ความกลมกลืนกับของสิ่งแวดล้อม บ้าน ที่ทำงาน สวนรอบบ้าน ฯลฯ ถ้าทุกอย่างสมดุลกลมกลืน ทุกอย่างก็ดี จะทำอะไรก็สำเร็จ
อีกอย่างหนึ่ง คือ การรู้จักสิ่งแวดล้อมของเรา ก็คือการรู้จักฮวงจุ้ยของเรา ทำให้ชีวิตคล้อยตามพลังธรรมชาติไม่ขัดกับธรรมชาติ เสริมพลังธรรมชาติ ถ้าพลังธรรมชาติให้ร้ายแก่เรา ฮวงจุ้ยมีเทคนิคที่จะแก้ทางวิทยาศาสตร์และปรัชญา ไม่งมงาย แต่ต้องศึกษาสักหน่อย