
Sex Education ซีรีส์วัยรุ่นจากเกาะอังกฤษที่ชวนให้เราเติบโตผ่านเรื่องเพศ และอบอุ่นหัวใจไปพร้อมๆ กัน
สารภาพว่าสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ผู้เขียนแอบลังเลคิดไม่ตกว่าจะเลือกดูซีรีส์เรื่องใดระหว่าง You และ Sex Education
แต่เพราะเห็นว่าฝ่ายหลังเพิ่งออกอากาศบน Netflix ได้แค่วันเดียวเท่านั้น (ซีซันแรกเริ่มสตรีมวันที่ 11 มกราคม 2019)
ประกอบกับส่วนตัวเป็นคนชอบหนังและซีรีส์แนว Coming of Age อยู่แล้ว เราเลยเทใจให้ Sex Education
ไปในที่สุดแล้วก็ไม่ผิดหวังจริงๆ เพราะเริ่มดำเนินเรื่องในเอพิโสดแรกได้แค่ไม่ถึงนาที ฉากโจ๋งครึ่มก็โผล่ออกมาจนเราแทบจะหยิบรีโมตมากดปุ่มหรี่เสียงโทรทัศน์ไม่ทัน!
อันที่จริงแล้วต้องบอกว่าฉากโป๊เปลือยที่ปรากฏในซีรีส์เรื่องนี้เป็นเพียงแค่เปลือกนอกเท่านั้น ไม่ต่างอะไรจากลูกกวาดสีสันฉูดฉาดที่เย้ายวนสายตา
เพราะ ‘แก่น’ หรือสารแท้จริงที่ Sex Education ต้องการจะนำเสนอมีประเด็นน่าสนใจหลายๆ อย่างที่ทำให้เราตกหลุมรักจนแทบจะโงหัวไม่ขึ้น
Sex Education เป็นซีรีส์แนวดราม่าคอเมดี้จากเมืองผู้ดีอังกฤษ ความยาว 8 ตอนจบ (ซีซันแรก) กำกับโดย เคต เฮอร์รอน และเบน เทย์เลอร์
ว่าด้วยเรื่องราวของ โอทิส (นำแสดงโดย เอซา บัตเตอร์ฟีลด์) เด็กหนุ่มวัยรุ่นธรรมดาๆ ที่มีชีวิตแสนจะไม่ธรรมดา
เพราะต้องอาศัยอยู่กับ จีน (นำแสดงโดย จิลเลียน แอนเดอร์สัน) คุณแม่เลี้ยงเดี่ยวและ ‘นักบำบัดทางเพศ’
วันหนึ่งโอทิสบังเอิญจับพลัดจับผลูไปให้คำปรึกษาเรื่องเพศกับเพื่อนในโรงเรียนไฮสคูลเข้า
ทำให้ชื่อเสียงของเขาเริ่มเป็นที่รู้จักและนำไปสู่การตั้งคลินิกบำบัดเรื่องเพศอย่างลับๆ ในห้องน้ำร้างหลังโรงเรียนที่ครูใหญ่ป่าวประกาศว่าเต็มไปด้วยแร่ใยหิน
โดยมี เมฟ (นำแสดงโดย เอ็มมา แม็กกี้) รับหน้าที่เป็นเอเจนต์จัดหาลูกค้าให้ พร้อม เอริก (นำแสดงโดย เอ็นคูติ กัตวา) เพื่อนซี้ที่โตมาด้วยกันสนับสนุนอยู่ไม่ห่าง
หากมองจากเรื่องย่อแค่ผิวเผิน ซีรีส์เรื่องนี้น่าจะดำเนินเรื่องไปในแนวทางเดียวกันกับสูตรสำเร็จของหนังแนว Coming of Age
กลุ่มวัยรุ่นชายที่เผชิญกับความเปลี่ยนแปลงทางเพศเหมือนๆ กับรุ่นพี่อย่าง American Pie หรือไม่ก็ The Girl Next Door แต่Sex Education กลับทำในสิ่งที่ท้าทายกว่านั้น
พวกเขาเลือกหยิบจับประเด็นเรื่องเพศที่สดและใหม่กว่ามาพูดคุยในปี 2019 โดยเจตนาจะสื่อสารออกไปให้กลุ่มวัยรุ่นเข้าใจว่าทุกคนไม่ได้ใช้ชีวิตอย่างเดียวดาย
ไร้คนเข้าใจ ขณะเดียวกันก็มีความพยายามจะชวนบรรดาผู้ปกครองมารับฟังปัญหาของพวกเด็กๆ แบบไม่ตัดสินไปก่อน สอดแทรกด้วยมุกตลกอารมณ์ขัน
สิ่งเหล่านี้คือเสน่ห์ที่Sex Education ทำได้ดีจนต้องชื่นชม
การเปลี่ยนคาแรกเตอร์เพื่อนสนิทตัวเอกของเรื่องให้เป็นผู้ที่มีความหลากหลายทางเพศก็ถือเป็นอีกตัวอย่างการทลายขนบเดิมๆ ของหนังหรือซีรีส์แนวนี้
พร้อมถ่ายทอดปัญหาการได้รับการยอมรับจากคนในสังคมที่ตัวละครในเรื่องต้องเผชิญ (เรื่องทำนองนี้มีให้เห็นที่อังกฤษเป็นประจำ ตัวอย่างเช่น
กรณีที่ แซม สมิธ เคยเปิดเผยว่าเขาถูกคนแปลกหน้าปรี่เข้ามาต่อยบริเวณลำคอ)
ในมุมมองส่วนตัว ผู้เขียนคิดว่าบางทีเหตุการณ์และเรื่องราวที่ตัวละครเอริกต้องเผชิญในเรื่องถือเป็นการตีความนิยาม Coming of Age ในแบบSex Education
ได้เด่นชัดมากๆ ทั้งยังพยายามจะสื่อให้กลุ่มคนดูวัยรุ่นและผู้ใหญ่เข้าใจ พร้อมรับมือความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นกับตัวเอง เติบโตต่อไป และเรียนรู้ที่จะรักตัวเองในแบบที่ตัวเองเป็น
นอกจากนี้ยังมีอีกสารพันปัญหาที่อัดแน่นอยู่ในซีรีส์ความยาว 396 นาทีเรื่องนี้ ตั้งแต่การตั้งรับความเปลี่ยนแปลงทางฮอร์โมนเพศในช่วงวัยรุ่นตอนต้น
การถูกพ่อแม่สอดแนมและโยนความกดดันให้ การถูกเปรียบเทียบกับลูกบ้านอื่น ความไม่เข้าใจเรื่องการช่วยตัวเองและการร่วมรัก หรือการถูก Bully ในรูปแบบต่างๆ ฯลฯ
อีกจุดหนึ่งที่ผู้เขียนหลงรักคือแคสต์คาแรกเตอร์ชุดนี้ สำหรับ เอซา บัตเตอร์ฟีลด์ เราคงไม่ต้องกล่าวชมอะไรเขาให้ยืดย้วย เพราะพ่อหนุ่มวัย 22 ปี
คนนี้มีทักษะการแสดงและเสน่ห์ที่เหลือล้นจนแฟนๆ หลงรักกันทั่วโลกเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว แต่สำหรับ เอ็มมา แม็กกี้ และเอ็นคูติ กัตวา ซีรีส์เรื่องนี้น่าจะเป็นผลงานชิ้นแจ้งเกิดของทั้งคู่เลยก็ว่าได้
ตัวละคร เมฟ ถือเป็นตัวละครที่มีมิติพอสมควร ทุกครั้งที่เธอปรากฏตัว เราแทบจะเดาไม่ได้เลยด้วยซ้ำว่าภายในใจของเด็กหญิงย้อมผมสีบลอนด์กัดปลายผมสีชมพู
คนนี้กำลังครุ่นคิดหรือรู้สึกอะไรอยู่กันแน่ ซึ่งก็ต้องชมเอ็มมาด้วยที่สามารถถ่ายทอดบทบาทนี้ออกมาได้ดี
แถมในบางมุมเรายังรู้สึกว่าความสวยสะพรึงของเธอช่างละม้ายคล้ายนักแสดงรุ่นพี่ มาร์โกต์ ร็อบบี้ เสียเหลือเกิน
ฟากเอ็นคูติเองก็ถ่ายทอดบทบาทของเอริกได้สมบูรณ์แบบสุดๆ บทจะหวือหวาฉูดฉาดก็ทำออกมาได้สุดทางและพลอยทำให้โลกสดใสได้จริงๆ
ครั้นจะเศร้าโศกเสียใจก็ทำให้เราดำดิ่งจนน้ำตารื้นให้เขามาแล้วเช่นกัน
นอกจากนี้ยังมีตัวละครอื่นๆ ที่ยิ่งเห็นการเติบโตของพวกเขาก็อดไม่ได้ที่จะตกหลุมรัก เช่น เอมี กิบส์ (นำแสดงโดย เอมี ลู วูด)
สาวน้อยฟันกระต่ายจอมแก่น หนึ่งในสมาชิกแก๊งสวยเริดเชิดหยิ่งประจำโรงเรียน หรือลิลลี่ (นำแสดงโดย ทันยา เรย์โนลด์ส)
นักเรียนสาวจากวงดนตรีสวิงที่มีจินตนาการความต้องการเรื่องเพศในแบบของเธอเอง
หลังดูรวดเดียวจบทั้ง 8 เอพิโสด เราพบว่าตัวละครทุกตัวต่างก็มีปัญหาการใช้ชีวิตที่ต่างกันออกไปตามแต่ปัจเจก
โดยเฉพาะเรื่องเพศ ซึ่งข้อดีในแบบฉบับของวัฒนธรรมตะวันตกคือการที่ผู้ใหญ่จะไม่ไปตัดสินว่าเซ็กซ์และการช่วยตัวเองเป็น
‘เรื่องผิดบาป’ ทางศีลธรรมเหมือนค่านิยมของวัฒนธรรมฝั่งเอเชีย
ตรงกันข้าม พวกเขาจะพยายามใช้วิธีการอธิบายให้เด็กๆ เข้าใจทั้งโทษและคุณของมันตรงๆ มากกว่า
แล้วปล่อยให้ทุกคนออกไปเผชิญโลกแห่งความเป็นจริงอย่างมีภูมิคุ้มกันด้วยตัวเอง
ไม่ใช่หวาดกลัวหรือใคร่รู้จนเตลิดเสียผู้เสียคนในที่สุด
เหมือนที่ตอนหนึ่งตัวละครแม่ในเรื่องเคยสอนลูกของเธอตั้งแต่ยังไม่รู้ประสีประสาเอาไว้ว่า
“Sex is when a man put his penis inside a woman vagina.”
“เซ็กซ์คือการที่ผู้ชายสอดใส่องคชาตเข้าไปในช่องคลอดของผู้หญิง”
“Intercourse can be wonderful but it can also cause tremendous plan and if you not careful sex can destroy life.”
“การมีเพศสัมพันธ์คือส่ิงสวยงาม แต่ในเวลาเดียวกันมันก็อาจจะทำให้เราเจ็บปวดได้ หากลูกไม่ระวัง มันอาจจะทำลายชีวิตของเรา”
สำหรับผู้เขียน Sex Education จึงเป็นมากกว่าแค่ซีรีส์วัยรุ่นธรรมดาๆ แต่เปรียบเสมือนตัวแทนบทเรียนเพศศึกษาสมัยใหม่ที่วางตัวอยู่ตรงกลางระหว่างวัยรุ่นและผู้ใหญ่ยุคนี้
เพื่อพยายามจูนแต่ละฝ่ายให้หันหน้าเข้าหากัน ปรับความเข้าใจให้ทุกคนพร้อมก้าวข้ามปัญหาต่างๆ และเรียนรู้ที่จะเติบโตแบบอบอุ่นหัวใจไปพร้อมๆ กัน
เรื่องย่อ : เป็นเรื่องราวของเด็กหนุ่มวัยรุ่นไฮสคูลธรรมดาคนหนึ่ง “โอทิส มิลเบิร์น” รับบทบาทโดย เอซา บัตเตอร์ฟิลด์
ซึ่งเขามีปัญหาเกี่ยวกับการสำเร็จความใคร่ด้วยตนเอง แต่เรื่องราวมันจะยากสักแค่ไหน เพราะเขามีแม่ที่เป็นนักบำบัดเซ็กส์
อย่าง “จีน มิลเบิร์น” รับบทบาทโดย จิลเลียน แอนเดอร์สัน ใช่…การที่แม่ของตัวเองเป็นผู้เชี่ยวชาญเรื่องนี้ทำให้เขายิ่งไม่กล้าปรึกษาแม่เข้าไปใหญ่
เพราะเขาคิดว่ามันดูพิกลไปหน่อย แต่การที่เติบโตมากับเรื่องเพศตั้งแต่เด็ก โอทิสก็ซึมซับความรู้และทักษะการให้คำแนะนำเอาไว้โดยไม่รู้ตัว
และแล้ววันที่เปลี่ยนชีวิตเขาไปตลอดกาลก็มาถึง เขาได้ไปบังเอิญให้คำปรึกษาเกี่ยวกับปัญหาเรื่องเซ็กส์ให้ลูกครูใหญ่ “อดัม กรอฟฟ์”
รับบทบาทโดย คอนเนอร์ สวินเดล เรื่องเข้าหูถึง “เมฟ ไวลีย์” รับบทบาทโดย เอมมา แม็คกี้ เธอเห็นแววทำเงิน
จึงชักชวนให้เขามาเปิดคลินิกเซ็กส์ รับปรึกษาเรื่องเซ็กส์แบบลับ ๆ แถมยังได้ค่าขนมอีกด้วย
ขอบอกตรงนี้เลยว่าซีรีส์เรื่องนี้ไม่ใช่มีเพียงเรื่อง “หื่นกาม” แต่เป็นการเปิดเผยมุมมองเรื่องเพศของเด็กวัยรุ่นในปัจจุบันอย่างตรงไปตรงมา
เรียกได้ว่าเป็น วิชาเพศศึกษา แบบที่ไม่เคยมีมาก่อนและเป็นประโยชน์สำหรับวัยรุ่นทุกคน